บันทึกควาทรงจำไปกับเรา

..คลิกที่รูป...บริการถ่ายภาพสุดประทับใจ prewedding รับปริญญา พิธีการต่าง แฟชั่น อีกมากมาย ติดต่อ : 0899274733 msn:tuchkay@hotmail.com

วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ต้นแบบแบตเตอรี่"บางเฉียบจนพับได้"


รายงานข่าวล่าสุด Mie Industry Enterprise Support Center (MIESC) ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาต้นแบบ"แบตเตอรี่ลิเธียมโพลีเมอร์" ที่มีความบางเท่าๆ กับแผ่นกระดาษ โดยขั้นตอนการผลิตใช้แค่การพิมพ์มันออกมาเท่านั้น...

พื้นที่โฆษณา
สนใจลงโฆษณา ติดต่อ โทร.0-2642-3400 ต่อ 4613

MIESC กล่าวว่า แบตเตอรี่ที่ได้จะมีความปลอดภัย บาง และยืดหยุ่นสามารถพับได้ โดยทางบริษัทจะนำต้นแบบออกแสดงในงาน International Rechargeable Battery Expo ครั้งที่ 1 ซึ่งจะจัดให้มีขึ้นในระหว่างวันที่ 3 - 5 มีนาคมนี้ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

ต้น แบบของแบตเตอรีบางเฉียบนี้จะประกอบด้วย ชั้นขั้วบวก (Positive electrode layer) ชั้นสารละลายนำไฟฟ้า (electrolyte layer) และชั้นขั้วลบ (negative electrode layer) ทั้งหมดจะถูกรีดติดกันเป็นแผ่นโดยไม่มีชั้นแบ่งระหว่างกันด้วย ทำให้มันบางได้ใจอย่างที่เห็น สำหรับวัสดุที่ใช้ทำช้นขั้วไฟฟ้าต่างๆ ขั้วบวกจะทำจาก LiFePO4 และสารประกอบคาร์บอน ส่วนขั้วลบก็จะเป็น Li4Ti5O12 กับสารประกอบกราไฟท์ และซิลิกอน ส่วนตัวฟิล์มจะใช้โพลีเมอร์กับโพลีเอทธีลีนอ๊อกไซด์ที่ทำหน้าที่เป็นสารละลายนำไฟฟ้า

ต้น แบบทีทำออกมาจะมีขนาดเท่ากับกระดาษ A6 (นิตยสารคอมพิวเตอร์ทูเดย์พับครึ่ง) และมีความบางแค่ 450 ไมโครเมตร สามารถให้กระแสไฟฟ้าได้ 45mAh โดยแรงดันไฟฟ้าที่ได้ก็ 1.8 โวลต์ จุดเด่นของต้นแบบที่ทำออกมาก็คือ มันสามารถใช้งานได้ที่อุณหภูมิห้องปกติ (0 - 25 องศาเซลเซียส) ซึ่งผู้ใช้สามารถชาร์จ และดิสชาร์จแบตเตอรี่ได้มากกว่า 100 ครั้งก่อนที่มันจะเสื่อมสภาพไป

ข้อมูลจาก: Newlaunches

เอเซอร์เตรียมออก"อีรีดเดอร์"กลางปีนี้


รายงานข่าวล่าสุด Wang Jeng-tang ประธานบริษัท เอเซอร์ (Acer) เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ทางบริษัทกำลังทบทวนแผนการเปิดตัว"เครื่องอ่านอีบุ๊ก" (e-book reader) อีกครั้ง หลังจากที่เฝ้าดูความต้องการของตลาด เพื่อหาโอกาสที่ชัดเจนของกำไรในธุรกิจดังกล่าว


เอเซอร์เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีความพร้อม สำหรับการเปิดตัวเครื่องอ่านอีบุ๊กที่มีหน้าจอขนาด 6 นิ้วในเดือนมิถุนายน ศกนี้ โดยต้นแบบของเครื่องก็เสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย แต่ทียังลังเลอยู่ในขณะนี้ก็เนื่องจากว่า ทางบริษัทยังไม่เห็นสัญญาณความต้องการของตลาดที่ชัดเจน ซึ่งอีรีดเดอร์ยังเป็นตลาดที่ค่อนข้างเล็ก และไม่มีกลยุทธ์ทางการตลาดที่ได้รับการพิสูจน์ว่าทำแล้วจะสำเร็จได้จริง

อย่าง ไรก็ตาม ประธานบริษัทฯไม่ได้ยืนยันว่า เอเซอร์ไม่ได้สนใจในตลาดนี้ แต่อาจจะต้องรอจนกว่า จะเห็นความต้องการของตลาดที่ชัดเจน เพราะนั่นคือหนทางที่จะทำให้เกิดกำไรใน ตัวผลิตภัณฑ์เครื่องอ่านอีบุ๊กได้ อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เอเซอร์กำลังรอความชัดเจนอยู่นั้น ตลาดเครื่องอ่านอีบุ๊กกำลังมีแนวนโน้มการเติบโตที่รวดเร็ว และน่าสนใจมากทีเดียว อีกทั้งคู่แข่งในตลาดไม่ว่าจะเป็น ฟูจิตสึ แอลจี และซัมซุง ตลอดจนแอมะซอน บาร์นส์แอนด์โนเบิล และแอปเปิล (iPad วางตลาดมีนาคมนี้) ต่างก็เปิดตัวอีรีดเดอร์กันแล้ว

วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เตรียมกระหึ่ม"คอมมาร์ต 2010"


ผู้ค้าคอมพ์เตรียมโกยเงินสะพัด 3 พันล้านบาทในงาน “คอมมาร์ต ไทยแลนด์ 2010” ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-21 มีนาคม 2553 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ความพิเศษของงานครั้งนี้คือการดึงเครือข่ายสังคมหรือ social network มาใช้ในงาน มั่นใจตลาดคึกคักเพราะไอทีไทยปีนี้จะมีมูลค่ารวมทะลุ 2 แสนล้านบาท จากปัจจุบัน 1.7 แสนล้านบาท

นายปฐม อินทโรดม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ผู้จัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้าไอที ภายใต้ชื่อ “คอมมาร์ต” กล่าวว่า งาน “คอมมาร์ต ไทยแลนด์ 2010” ครั้งนี้จะเป็นงานโชว์เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางด้านไอทีใหญ่ที่สุดต้อนรับปี 2553 ภายใต้แนวคิด “Linking the World” คาดว่าดึงผู้เข้าชมงานได้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านราย และสร้างเม็ดเงินสะพัดกว่า 3,000 ล้านบาท

“ตลาดไอทีคอนซูเมอร์ส่งสัญญาณเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา เนื่องจากการอัดฉีดงบประมาณโครงการไทยสามัคคีไทยเข้มแข็งของรัฐบาล และการแข่งขันกันของโน้ตบุ๊ก เน็ตบุ๊ก ที่มีการอัปเกรดประสิทธิภาพให้ดีขึ้น เช่น ราคาถูกลง ขนาดเล็ก กินไฟน้อย สะดวกแก่การพกพา สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป โดยการเน้นความสำคัญกับ ICT มากยิ่งขึ้น ทั้งคอนซูเมอร์ คอร์ปอเรต และเอสเอ็มอี อีกทั้งยังให้ความสนใจกับกระแส Social Media และ e-book มากขึ้น จึงทำให้ภาพรวมของตลาดคอนซูเมอร์ไอทีปี 53 เติบโตขึ้น"

ปฐมเชื่อว่า ตลาดสินค้าไอทีกลุ่มคอนซูเมอร์จะเติบโตขึ้นราว 10% ในปีนี้ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 80,000 ล้านบาท จากมูลค่ารวมตลาดไอทีไทย 2 แสนล้านบาท เทียบกับปี 2552 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 72,000 ล้านบาท จากตลาดรวม 1.7 แสนล้านบาท

ภายในงาน คอมมาร์ต ไทยแลนด์ 2010 ครั้งนี้ จะมีการแสดงเทคโนโลยีที่น่าสนใจ เพื่อให้เข้ากับการขยายฐานกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเยาวชนมากขึ้น และถือเป็นนวัตกรรมเทคโนโลยีแห่งต้นศตวรรษ 2010 อาทิ คอมพิวเตอร์พกพา Platform ใหม่ ไร้คีย์บอร์ด , Super Smartphone ที่มี application ล้ำหน้าให้เลือกใช้มากมาย รวมถึงการมอบรางวัล Commart Innovation Awards 2010 รางวัลที่สุดแห่งนวัตกรรมเทคโนโลยี โดยนิตยสาร Commart และการมอบรางวัล eLeader Awards ทั้งด้านองค์กรและผลิตภัณฑ์ โดยนิตยสาร eLeader

ด้านนายประสิทธิ์ วรฉัตราวณิช รองผู้จัดการทั่วไปและผู้อำนวยการฝ่ายนิวมีเดีย บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า เพื่อเป็นการจับกระแสในยุคของ Social Network ที่กำลังมาแรงในขณะนี้ จะเป็นครั้งแรกที่ “คอมมาร์ต” เกาะกระแสของการใช้ Social Media ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ของการช้อปปิ้งสินค้าไอที ด้วยการอัปเดตข้อมูลโปรโมชันสุดพิเศษ และกิจกรรมต่างๆ ของเวนเดอร์ บน Social Network เพื่อที่ผู้บริโภคจะได้นำไปใช้ประกอบการตัดสินใจซื้อสินค้าภายในงาน

สำหรับกิจกรรมเสวนาและ Workshop ที่น่าสนใจ อาทิ รับกระแส Social Network กับ BlackBerry Workshop, Social Network, เรียนรู้การประกอบคอมพ์ขั้นเทพ ภาค 2, แนะนำการเลือกซื้อ LCD อย่างเซียน ซื้อรุ่นไหน ยี่ห้อไหน ใช้นาน ใช้คุ้ม, ตามกระแสให้ทันกับ Preview Office 2010, แอนตี้ไวรัส และภัยร้ายบนโลกออนไลน์

ICT เปิดช่อง ICT Network เสนอข่าว IT จากทุกมุมโลก

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

กระทรวงไอซีที เปิดสถานี ICT Network แล้วอย่างยิ่งใหญ่ ถ่ายทอดสดตรงจากบาร์เซโลนาประเทศสเปน เผยสถานีโทรทัศน์ ICT Network จะรองรับเครือข่ายการศึกษาขนาดใหญ่ ที่จะรวบรวมเนื้อหาความรู้ ทางด้านเทคโนโลยีจากทั่วทุกมุมโลกมาไว้ที่เดียวกัน

ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า ประเทศไทยจะเปิดสถานีโทรทัศน์ ICT Network ในงาน GSMA Mobile World Congress 2010 (MWC 2010) ณ เมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน ซึ่งจัดได้ว่าเป็นสุดยอดงานโทรคมนาคมระดับโลก ที่รวมบริษัทชั้นนำกว่า 1,300 บริษัททั่วโลกมาแสดงให้ชมกัน ทั้งยังเป็นการรวมตัวกันของผู้นำและรัฐมนตรีอุตสาหกรรมโทรคมนาคมกว่า 250 ท่าน จาก 80 ประเทศทั่วโลก โดยการเปิดสถานีโทรทัศน์ ICT Network ครั้งนี้ เป็นการนำนวัตกรรมที่ล้ำหน้าและเป็นประโยชน์ถ่ายทอดกลับสู่ประเทศไทย ผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งใหม่ ซึ่งจะทำให้ประชาชนชาวไทยหลายล้านคนทั่วประเทศ ได้ชมพร้อมกันทั้งจากจอโทรทัศน์และจอคอมพิวเตอร์เป็นครั้งแรก

ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ ยังกล่าวอีกว่า การเปิดสถานีโทรทัศน์ ICT Network เครือข่ายการศึกษาขนาดใหญ่ ที่จะรวบรวมเนื้อหาความรู้ ทางด้านเทคโนโลยีจากทั่วทุกมุมโลกมาไว้ที่เดียวกัน ประเดิมถ่ายทอดสัญญาณการแพร่ภาพสถานีสดๆ จากเมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน ซึ่งถือฤกษ์ดีวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เวลา 20.10 ปี 2010 เป็นประธานเปิดสถานีอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้เมื่อได้ทำการแพร่ภาพสัญญาณออกอากาศแล้ว ผู้ที่ต้องการรับชมสถานีโทรทัศน์ ICT Network บนจอโทรทัศน์ในระบบดาวเทียม สามารถรับชมได้ทางดาวเทียมระบบ C แบนด์ ไทยคม 5 Frequency 03508.75 SymbolRate:03330 หรือรับชมได้ทางอินเตอร์เน็ตที่ www.ictnetwork.tv ลงทะเบียนเป็นสมาชิกลุ้นรับ Mc Pro ขนาด 13 นิ้ว และสามารถร่วมประสบการณ์ความรู้ด้านไอที Follow ได้จาก twitter/Ictnetwork

Slim DVD ที่บางที่สุดในประเทศไทย


Tsunami แบรนนี้เพื่อนๆ อาจจะยังไม่ค่อยคุ้นหูคุ้นตากันเท่าไหร่นะครับ แต่ว่าวันนี้เขาได้ผลิตและนำสินค้าตัวใหม่ที่สุดยอดก็คือ Slim DVD ซึ่งเป็น DVD ที่มีความบางและเล็ก ที่สุดในเมืองไทย

ยุดสมัยนี้ ใครๆก็ต้องพกพาโน๊ตบุ๊ก ไปไหนมาไหนด้วยกันค่อนข้างมากขึ้น ซึ่งในส่วนของโน๊ตบุ๊กนั้นจะไม่มีปัญหาเนื่องจากจะเป็นคอมพิวเตอร์ที่พกพา เคลื่อนที่ แต่สำหรับบางคนที่เลือกใช้เป็น เน็ตบุ๊ก ซึ่งมีขนาดที่เล็กกว่า เบากว่า และใช้งานได้ยาวนานกว่านั้น จะเกิดปัญหาทันทีเมื่อต้องการใช้แผ่นข้อมูลที่เป็นรูปแบบ CD-DVD ซึ่งส่วนนี้เองที่เป็นปัญหาสำหรับผู้ใช้กลุ่มนี้

และมาวันนี้ Tsunami ได้เอาใจคนใช้คอมพิวเตอร์พกพา กับ Tsunami VITA 800 DVD External ซึ่งมาพร้อมกับดีไซน์ที่บางกะทัดรัด และที่สำคัญ BOdy ทั้งตัวยังเป็นอลูมิเนียมแท้ เหมาะสำหรับการพกพาไปไหนมาไหนได้ด้วยโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการตกหล่นหรือมี อะไรมาวางทับแล้วมันจะพัง เพราะว่าเจ้า VITA 800 DVD External ตัวนี้ได้ออกแบบมาให้สามารถทนทานรอยขีดขวนและการตกหลนได้ 100% [ไม่สูงกว่า 60 cm.] อีกทั้งยังเล็กและเบาอีก และด้วยความบางและเบาของมันนี้เองที่อาจจะทำให้ลืมไปเลยว่าเราพกพาเจ้า DVD External ตัวนี้มาด้วย ที่สำคัญยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Read&Write ที่ครบถ้วนสมบูรณ์แบบในการทำงาน ส่วนเรื่องเสียงในการอ่านนั้นก็รับรองได้ด้วยเรื่องความเงียบ แบบที่ยี้ห้ออื่นๆ ไม่สามารถทำตามได้ และที่โดนใจผมเป็นที่สุดก็คือ Plug&Play ที่เพียงแค่เรานำสายมาเสียบก็สามารถที่จะใ้ช้งานได้เลยไม่ต้องลงไดเวอร์นี้ เอง

วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

HP Slate ตัดราคาไอแพดพ่วง Win7+3G

ในขณะที่ไอแพด (iPad) ยังไม่วางตลาด เหล่าบรรดาผู้ผลิตพีซีที่มีแท็บเล็ต (tablet) เหมือนกันต่างก็ยังดูเชิงไปก่อน ล่าสุด HP Slate หนึ่งในคู่แข่งที่ได้รับแรงสนับสนุนจากไมโครซอฟท์ (Microsoft) ได้ออกมาประกาศความเคลื่อนไหวอีกครั้ง เพื่อสร้างกระแสของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวให้เกิดความคึกคักในตลาดอีกครั้ง
สำหรับเป้าหมายของ HP Slate PC ก็คือ การช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดอันหอมหวลจากไอแพด และป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคปันใจไปสวามิภักดิ์แอปเปิ้ล (Apple) มากกว่านี้ โดยข่าวที่มีการเปิดเผยออกมาจากเว็บไซตื electronista ก็คือ ทางบริษัทมีแผนที่จะตัดราคาไอแพด พร้อมทั้งติดตั้ง Windows 7 เข้าไปเป็นระบบปฏิบัติการหลักของเครื่อง ตลอดจนสนับการเชื่อมต่อไร้สายด้วย 3G

HP Slate PC จะม่ีราคาต่ำกว่า 629 เหรียญฯ หรือประมาณ 21,000 บาท (ราคา iPad เวอร์ชัน 3G ) ซึ่งข้อสรุปดังกล่าวเกิดจากการประชุมร่วมกันของผู้บริหารทั้งในสหรัฐฯ และไต้หวัน เพื่อล็อคราคาให้ได้ภายในอีกสองสามสัปดาห์ข้างหน้า ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ที่มีแพลมออกมาก็จะเป็นเรืองของระบบปฏิบัติการ และฮาร์ดแวร์บางอย่าง ซึ่งในกรณีที่ใช้ Windows 7 อุปกรณ์จะต้องมีพื้นที่ฮาร์ดดิสก์อย่างน้อย 16GB ดังนั้น มันเป็นไปได้ว่า HP Slate อาจจะใช้ฮาร์ดดิสก์ เพื่อให้ได้ต้นทุนที่ถูกกว่า แต่มันก็จะหนา และหนักกว่าไอแพดเล็กน้อย นอกจากนี้ในส่วนของโพรเซสเซอร์ ทางเลือกสำหรับการใช้ Intel Atom น่าจะเหมาะสุด เพราะจะทำให้ราคาของ HP Slate ถูกกว่าไอแพดอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งใกล้วันวางตลาดไอแพด สมรภูมิแท็บเล็ตพีซียิ่งดุเดือดร้อนแรงมากขึ้นเท่านั้น

ข้อมูลจาก: dvice

ลือ!!! iPhone 4G จะวางตลาดเม.ย.นี้

ในขณะที่หลายคนกำลังรอยลโฉม iSlate อย่างใจจดใจจ่อ และลุ้นว่ามันจะปรากฎตัวให้เห็นในวันที่ 26 มกราคมนี้ หรือไม่? แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า แอปเปิล (Apple) มีผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ที่จะออกในปีนี้เหมือนกันนั่นก็คือ ไอโฟน รุ่นที่ 4 (iPhone 4G) ซึ่งล่าสุดมีข่าวหลุดออกมาทั้งในเรื่องของสเป็ก และกำหนดการวางตลาดแล้วด้วย



รายงานข่างวดังกล่าวปรากฎใน Korea Times หนังสือพิมพ์ในเกาหลีใต้ทีอ้างว่า แหล่งข่าวได้ข้อมูลมาจากผู้ให้บริการเครือข่าย KT Telecom ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาในข้อตกลงกับทืางแอปเปิล โดย iPhone 4G จะวางตลาดในช่วงต้นเดือนเมษายน 2010 พร้อมด้วยส่วนแสดงผล OLED และฟังก์ชันวิดีโอแชต ซึ่งแน่นอนว่า มันจะทำงานเร็วกว่าไอโฟนรุ่นปัจจุบันขึ้นไปอีก รวมไปถึงระยะเวลาในการใช้งานแบตเตอรี่ทีจะนานขึ้นด้วย
แหล่งข่าววงในอ้างว่า iPhone 4G จะมาพร้อมกับโพรเซสเซอร์ดูอัลคอร์ และชิปกราฟิกที่ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยออกมาอย่างชัดเจนว่า มันเป็นโพรเซสเซอร์ของใครกันแน่ แต่ผู้เชี่ยวชาญในวงการมั่นใจว่าเป็น ARM Cortex A9 CPU รุ่นใหม่ ซึ่งจะช่วยให้ประสิทธิภาพของ iPhone 4G เร็วขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ในขณะเดียวกันความสามารถในการจัดการพลังงานของแบตเตอรีในไอโฟนรุ่นใหม่จะทำให้ผู้ใช้แฮปปี้มากขึ้นด้วย นอกจากนี้ การทีมีฟังก์ชัน video chat นั่นหมายความว่า iPhone 4G จะมาพร้อมกับกล้องวิดีโอด้านหน้าด้วย และแน่นอนกล้องดิจิตอลตัวหลักก็น่าจะได้รับการพัฒนาให้มีความละเอียดมากขึ้นด้วย

เผยมูลค่าตลาดไอซีทีสวนกระแก โต 5.6 แสนล้าน

Pic_65614
ซิป้า จับมือเนคเทค โชว์ตัวเลขอุตฯไอซีทีไทย ปี52 มูลค่า 555,501 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% ชูแอพลิเคชั่นบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ และบริการด้านคอมพิวเตอร์มาแรง...

นาวาตรีวุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ ซิป้า กล่าวว่า การพัฒนาอุตสาหกรรมไอซีทีของประเทศนั้น จำเป็นต้องมีการสำรวจตลาดอุตสาหกรรมเป็นประจำทุกปี เพื่อนำข้อมูลมากำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมไอซีทีของประเทศในแต่ละปี ทั้งนี้ ซิป้า กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที โดยให้ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ เนคเทค ดำเนินการสำรวจตลาดอุตสาหกรรมไอซีที ในประเทศไทยประจำปี 2552 และประมาณการปี 2553 (ICT Market & Outlook 2009)

รักษาการ ผอ.ซิป้า กล่าวต่อว่า ผลที่ได้จากการสำรวจภาพรวมอุตสาหกรรมไอซีทีไทยปี 2552 ที่ผ่านมา โดยรวมเท่ากับ 555,501 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2551 เป็น 6% ส่วนใหญ่เป็นตลาดสื่อสาร 361,895 ล้านบาท รองลงมา คือ ตลาดคอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ ตลาดคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ และตลาดด้านการบริการคอมพิวเตอร์ ตามลำดับ โดยคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมไทยยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่อัตราการขยายตัวอาจลดลงเล็กน้อยจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้น

ภาพรวมการพัฒนาด้านไอซีทีของประเทศอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ชัดเจนว่าในแต่ละปีประชาชนคนไทยใช้ไอซีทีเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน การพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์นั้นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายหน่วยงานทั้งใน และต่างประเทศ นอกจากนี้ อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ที่ส่งเสริมอยู่ มีมูลค่าจากการสำรวจในปี 2552 เท่ากับ 64,365 ล้านบาท เติบโตจากเดิม 2.3% และคาดว่ามูลค่าการเติบโตปี 2553 เป็น 67,884 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการเติบโตจากเดิม 5.5% ถ้ามองการเติบโตของปี 2553 เติบโตขึ้นเล็กน้อย และเป็นโอกาสที่ดีของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ เนื่องจากบริษัทหรือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จะต้องบริหารจัดการองค์กรในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ โดยการใช้ซอฟต์แวร์เข้ามาบริหารงานมากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และสิ่งที่ตามมาคืองานด้านบริการเป็นจุดเด่นของผู้ประกอบการไทยอยู่แล้ว จากนั้นจะนำผลการสำรวจมาเผยแพร่ในรูปแบบเว็บแอพลิเคชั่น ภายใต้โครงการระบบศูนย์บริการข้อมูลอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (NSIIM : National Software Industry Information Mining) หรือสืบค้นข้อมูลได้ที่ http://nsiim.sipa.or.th โดยกลยุทธ์นั้นจะเพิ่มมูลค่าได้ถึง 101,000 ล้านบาท

รักษาการ ผอ.ซิป้า กล่าวด้วยว่า ปัญหาขณะนี้ คือ ซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ ที่ยังไม่ได้จำแนกว่าเป็นคนไทยเท่าไร ซิป้าพยายามนำซอฟต์แวร์ไปขายต่างประเทศ แต่กลับนำเข้าจากต่างประเทศ เช่น ตลาดสื่อสารโทรคมนาคมไทยที่ไทยไม่ได้ผลิต แต่ปริมาณมือถือของผู้ใช้มากกว่าคนในประเทศ เป็นต้น อีกทั้งควรให้ความรู้กับประชาชน เพื่อรู้เท่าทันไอที และศึกษาข้อมูลอย่างแท้จริง เพื่อลดปัญหาดังกล่าว

ด้านนางชฎามาศ ธุวะเศรษฐกุล รองผู้อำนวยการเนคเทค กล่าวว่า มาตลอด 5 ปีว่า การจัดทำข้อมูลตลาดไอซีทีมีความจำเป็น และสำคัญสำหรับประเทศ และจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่ได้รับความร่วมมือจากสมาคม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย (ATCI) สมาคมผู้ส่งออกซอฟต์แวร์ไทย (TSEP) สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย (ATSI) สมาคมธุรกิจคอมพิวเตอร์ไทย(ATCA) สมาคมสมองกลฝังตัวไทย (TESA) สถาบันวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคมแห่งชาติ (TRIDI) อย่างไรก็ตาม การสำรวจชิ้นนี้เป็นการให้ข้อมูลในภาพกว้าง เพื่อแสดงสถานภาพรวมๆ ของการใช้จ่ายด้าน ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ การบริการด้านคอมพิวเตอร์ และการสื่อสาร ของประเทศเท่านั้น เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ เนคเทค ยังมีแผนจัดทำข้อมูลด้านไอซีทีของประเทศไทยในเชิงลึก 3 ประเภท คือ 1. รายงานการเปรียบเทียบตลาดไอซีทีไทยและต่างประเทศ 2. การจ้างงานอุตสาหกรรมไอทีไทย 3. รายงานสถานภาพอุตสาหกรรมไอทีของประเทศไทย โดยจะทยอยออกมากลางปี 2553

นายจำรัส สว่างสมุทร ที่ปรึกษาโครงการสำรวจไอซีที กล่าวว่า แม้ภาพรวมตลาดไอซีทีประเทศไทยปี 2552 ที่ผ่านมา จะขยายตัวไม่สูงมากนัก เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในระยะฟื้นตัว แต่โดยรวมยังถือว่าไม่ตกต่ำมาก การที่ตลาดซอฟต์แวร์ดูเหมือนจะเติบโตเพียง 2.3% นั้น เป็นเพราะเกิดจากการที่ผู้ผลิตซอฟต์แวร์บางรายเริ่มปรับเปลี่ยนรูปแบบการขาย เป็นการให้บริการด้านคอมพิวเตอร์มากขึ้น มูลค่าบางส่วนจึงไปตกอยู่ในกลุ่มการบริการด้านคอมพิวเตอร์ หากรวมซอฟต์แวร์ที่อยู่ในรูปบริการแล้วตลาดซอฟต์แวร์ปี 2552 จะเติบโตถึง 6.7%

ที่ปรึกษาโครงการสำรวจไอซีที กล่าวต่อว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวสอดคล้องกับกระแสโลก นับวันธุรกิจด้านการบริการจะมีบทบาทในระบบเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น สำหรับปี 2553 ตลาดภาพรวมดีขึ้นเป็น 7.2% หากการดำเนินการที่เกี่ยวกับบอร์ดแบรนด์ชัดเจนมากขึ้น อาทิ 3G หรือ FTTX เชื่อว่าตลาดยังเติบโตได้มากกว่านี้มาก เนื่องจากจะมีแอพลิเคชั่นต่างๆ สำหรับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เคลื่อนที่ ถูกพัฒนาขึ้นให้ใช้งานกับบรอดแบนด์ประสิทธิภาพสูง และพบว่ายังมีรูปแบบการบริการใหม่ๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้อีกมาก.


ข่าวจาก : ไทยรัฐ

สมาร์ทโฟน”แอนดรอยด์”กำลังมาแรง!!


ข้อมูลจาก ComScore ระบุว่า สมาร์ทโฟนที่ทำงานด้วยระบบปฎิบัติการแอนดรอยด์ (android) ของกูเกิ้ล (Google) มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 5% ซึ่งหากสิ่งที่ Eric Schmidt คาดการณ์ไว้เป็นจริง แอนดรอยด์จะมีการเติบโตของส่วนแบ่งตลาดที่เร็วมากๆ Schmidt กล่าวในงาน Mobile World Congress 2010 ว่า กูเกิ้ล และบริษัทที่เป็นพันธมิตรกำลังส่งมอบแอนดรอยด์โฟนไปยังร้านค้าวันละ 60,000 เครื่อง เว็บไซต์ MobileCrunch อ้างว่า ยอดจำหน่ายมือถือ 5.4 ล้านเครื่องต่อไตรมาส หรือคิดเป็น 21.9 ล้านเครื่องต่อปี ส่วนทางด้าน Apple เพิ่งจำหน่ายมือถือไปด้วยจำนวน 8.7 ล้านเครื่องในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา Schmidt ยังกล่าวอีกด้วยว่า ด้วยการอัตราการส่งมอบเครื่องที่เติบโตเป็นเกือบสองเท่าของไตรมาสล่าสุด ทำให้เขามั่นใจว่า แพลตฟอร์มแอนดรอยด์จะกลายเป็นระบบปฏิบัติการสำหรับมือถือภายในปี 2012 อย่างแน่นอน นอกจากนี้ สมาร์ทโฟนที่เป็นพระเอกในงาน MWC 2010 ยังเป็นแอนดรอยด์โฟนจากบรรดาบริษัทผู้ผลิตหลายๆ รายอีกด้วย

ฟูจิตสึเอาใจลูกค้า ซื้อโน้ตบุ๊กอัพเกรด โปรแกรมอัพเกรด Windows® 7 ฟรี


บริษัทฟูจิตสึ ซีสเต็ม บีสซีเนส (ประเทศไทย) จำกัดเปิดเผยว่าฟูจิตสึพร้อมมอบสิทธิพิเศษพิเศษให้กับลูกค้าที่ซื้อโน้ตบุ๊ก ฟูจิตสึระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน 2552 ถึง 31 มกราคม 2553 จะได้รับคูปองในการอัพเกรดระบบปฏิบัติการจาก Windows Vista® เป็น Windows® 7 โดยผู้ที่ต้องการซื้อโน้ตบุ๊กไม่ต้องรอระบบปฏิบัติการ Windows® 7 ออกวางตลาดอย่างเป็นทางก

ปรเจ็กเตอร์จิ๋วพลัง"ยูเอสบี"ราคาเบาๆ

โปรเจ็กเตอร์จิ๋วที่นำมาฝากกันวันนี้ เหมาะสำหรับใช้งานกับคอมพิวเตอร์เดสก์ทอป หรือโน้ตบุ๊ก โดยสามารถเชือมต่อการทำงานทางพอร์ต mini USB 2.0 (ทั้งแหล่งจ่ายไฟ และข้อมูล) โปรเจ็กเตอร์ LED รุ่นนี้จะมาพร้อมกับชุดขาตั้ง (Tripod) พร้อมสายเคเบิ้ลยูเอสบี ซึ่ง คุณผู้อ่านสามารถเชื่อมต่อมันเข้ากับโน้ตบุ๊ก เพื่อฉายภาพถ่ายสวยๆ วิดีโอ และงานนำเสนอต่างๆ ได้ทันที

ในส่วนของประสิทธิภาพการทำงาน โปรเจ็กเตอร์รุ่นนี้สามารถฉายภาพที่มีขนาดได้ตั้งแต่ 20 ถึง 50 นิ้วบนไวท์บอร์ด หรือฉากทีใช้สำหรับฉาย ด้วยความละเอียด 640 x 480 พิกเซล คุณผู้อ่านสามารถนำเจ้าโปรเจ็กเตอร์นี้ติดตัว เพื่อไปนำเสนองานในที่ต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย สนนราคาอยู่ที่ 149 เหรียญฯ (5,000 บาท) เท่านั้น [ข้างล่างเป็นคลิปของโพรเจ็กเตอร์รุ่นก่อนหน้านี้จากบริษัทผู้ผลิตเดียวกัน ครับ]

ยูทูบเพิ่มฟีเจอร์กรองคลิปไม่เหมาะสม

ยูทูบ (YouTube) ได้ประกาศเพิ่มคุณสมบัติการทำงานใหม่เรียกว่า Safety Mode ซึ่งผู้ใช้สามารถกำหนดให้ยูทูบทำการคัดกรอง (filter) คลิปวิดีโอที่ไม่เหมาะสม หรือน่ารังเกียจ รวมถึงคำวิจารณ์ต่างๆ ที่ไม่สุภาพออกไปไม่ให้ชมได้อีกด้วย นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของการรับผิดชอบของสื่อออนไลน์ทีมีอิทธิพลต่อผู้ชมหลาย ร้อยล้านคนทั่วโลก

"แม้ว่ามันจะไม่สามารถคัดคกรองได้สมบูรณ์ 100% แต่ Safety Mode เป็นอีกขั้นหนึ่งของเราในความปรารถนาที่จะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถควบคุม คอนเท็นต์ที่ต้องการรับชมจากบนไซต์" ข้อความบางส่วนที่โพสต์ไว้ในบล็อกของยูทูบ สำหรับการเปิดการทำงานของ Safety Mode ผู้ใช้จะต้องไปที่บริเวณท้ายหน้าเว็บของยูทูบ แล้วคลิกบนลิงค์ที่ระบุว่า "safety mode is off" เพื่อเปิดการทำงาน (turn on) แล้วคลิก save เพียงแค่นี้ ระบบกรองคอนเท็นต์ไม่เหมาะสมก็จะเริ่มทำงานแล้ว และหากคุณต้องการล็อคการตั้งค่านี้ ก็แค่ sign in บัญชีผู้ใช้ของตัวเอง หลังจากนี้ไปใครจะปิดการทำงานได้จะต้องได้รับพาส เวิร์ดจากคุณเท่านั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากเปิด Safety Mode ก็คือ มันจะคัดกรองคอนเท็นต์ที่ไม่เหมาะสมให้โดยอัตโนมัติ เช่น หากคุณพิมพ์คำว่า "sex" เข้าไปในช่องค้น ยูทูบจะไม่ให้ผลลัพธ์คลิปที่มาพร้อมกับคีย์เวิร์ดเหล่านี้ ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานของ Safety Mode นั่นเอง โดยผู้ใช้จะสังเกตเห็นข้อความที่มุมบนขวาที่แจ้งว่าคุณกำลังได้รับการคัด กรองคอนเท็นต์ และหากเพื่อนคุณส่งลิงค์ที่คลิกเข้าไปยังวิดีโอที่ถูกบล็อก คุณก็จะไม่สามารถดูได้เช่นเดียวกัน จนกว่าจะปิด Safety Mode เสียก่อน สำหรับการคัดกรองคลิปวิดีโอของโหมดการทำงานนี้จะครอบคลุมการทำงานไปถึง คลิปที่เกียวข้อง (related videos) วิดีโอที่น่าสนใจ (featured videos) วิดีโอทีได้รับชมมากทีสุด (most viewed) และวิดีโอที่กำลังจะชม (แมัจะเห็นภาพนิ่งในคลิป แต่ก็จะเปิดดูไม่ได้เหมือนกันหากคลิปนั้นถูกคัดกรอง) นอกจากนี้คำวิจารณ์ของคลิปไม่เหมาะสมทั้งหมดจะถูกซ่อนไว้ด้วย คุณสามารถคลิกขยายออกมาดูได้ แต่คำหยาบคายจะถูกแทนด้วยตัวอักษร *
Safety mode จะไม่ได้คัดกรองเฉพาะคอนเท็นต์ที่เกียวกับเรื่องที่เกียวกับเพศเท่านั้น แต่จะครอบคลุมถึงเรื่องความรุนแรงต่างๆ ไปจนถึงสงคราม นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของการควบคุมการให้บริการคอนเท็นต์ของยูทูบในฐานะของ สื่อที่มีผู้เข้าชมทุกเพศทุกวัยหลายล้านคนทั่วโลก

คีย์บอร์ด-เมาส์ไร้สายชาร์จทีอยู่ได้ 3 ปี

รายงานผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ที่น่าสนใจ ลอจิเทค (Logitech) ประกาศเปิดตัว MK710 คีย์บอร์ดไร้สายสำหรับคอมพิวเตอร์เดกส์ทอป ซึ่งทางบริษัทอ้างว่า อายุการใช้งานแบตเตอรี่ชาร์จเต็มหนเดียวใช้ได้นาน 3 ปี ทั้งคีย์บอร์ด เมาส์ และภาครับ

"ไม่มีใครคิดถึงการชาร์จแบตเตอรี่จนกว่าจะถึงเวลา แต่เมื่อถึงเวลานั้น มันอาจจะขัดจังหวะช่วงเวลาสำคัญของงานที่คุณทำอยู่ก็ได้" Rory Dooley รองประธานอาวุโส และผู้จัดการทั่วไปของหน่วยธุรกิจอุปกรณ์ควบคุมจากลอจิเทคกล่าว MK710 เป็นชุดคีย์บอร์ด และเมาส์ไร้สายที่ทำงานด้วยความถี่ 2.4GHz รุ่นใหม่ล่าสุดของทางบริษัทจะสามารถใช้แบตเตอรี่ (AA 4 ก้อน) ได้นาน 3 ปีโดยไม่ต้องชาร์จ (ส่งข้อมูลเร็วกว่าคีย์บอร์ดทั่วไปที่ใช้ความถี่ 27MHz และช่วงไม่ได้ใช้งานเมาส์ และคีย์บอร์ดจะไม่มีการใช้พลังงานแบตเตอรี่) พร้อมให้ความมั่นใจในการ ปลอดภัยขณะมีการส่งข้อมูลไร้สายด้วยการเข้ารหัสข้อมูล 128-bit AES encryption พร้อมด้วยเมาส์เลเซอร์ทีช่วยให้คุณสามารถเลื่อนหน้าจอได้เร็วกก ว่าเดิม พร้อม 3 ปุ่มใช้งานที่สามารถปรับแต่งฟังก์ชันได้
ทางด้่านล่างของคีย์บอร์ดจะมีหมอนรองข้อมือที่ช่วยให้ความสะดวกสบายเวลาใช้ งาน ในขณะที่แผงหน้าปัดด้านหน้าจะมี LCD ทีแสดงสถานะการทำงานของทุกปุ่ม (Caps Lock, Scroll Lock, Num Lock และอายุการใช้งานแบตเตอรี่) ไว้ด้วย Logitech Wireless Desktop MK710 จะเริ่มวางตลาดในยุโรปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และในสหรัฐช่วงเดือนเมษยน 2010 สนนราคาอยู่ที่ 99.99 เหรียญฯ หรือประมาณ 3,300 บาท

"กูเกิ้ลบัซ" โซเชียลเน็ตเวิร์กในจีเมล์

รายงายข่าวอัพเดตจากเมื่อวานนี้ที่กูเกิ้ล (Google) ได้ประกาศว่าจะเพิ่มบริการโซเชียลเข้าไปในจีเมล์ (Gmail) ล่าสุดทางบริษํทได้แนะนำบริการดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทำเป็นส่วนเสริมการทำงาน (add-on) ทีมีชื่อว่า Google Buzz ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับการแชร์เรื่องราว และข้อมูลส่วนตัวกับคนอื่นๆ ลักษณะเดียวกับเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์

ผู้ใช้สามารถเข้าถึงบริการของ Buzz ได้ทันทีที่เปิดใช้จีเมล์ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเครือข่ายโซเชียลได้ในขณะที่ใช้จีเมล์ได้นั่นเอง ไม่ว่ากูเกิ้ลจะอธิบายอย่างไรก็ตาม แนวคิดของ Buzz คล้ายกับเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์อยู่ดี คุณสามารถโพสต์ข้อความ และลิงค์ต่างๆ ตลอดจนภาพถ่าย และวิดีโอไปให้คนอื่นๆ บนเว็บได้รับชม ในขณะเดียวกันพวกเขาก็สามารถโพสต์กลับมาหาคุณได้ แต่สิ่งที่ต่างจากเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ก็คือ คุณสามารถโพสต์ได้ทั้งเรื่องที่อยากเผยแพร่ (public) และเรื่องส่วนตัว (private) และการโพสต์จากคนอื่นๆ จะสตรีมเข้ามายังบราวเซอร์ของคุณได้ ซึ่งกูเกิ้ลให้ความสำคัญกับคุณสมบัติการทำงานทีว่านี้มาก

กูเกิ้ลได้ เปิดให้บริการนี้กับผู้ใช้จีเมล์แล้ว และเตรียมออกเวอร์ชันสำหรับใช้ในองค์กรในอนาคตอีกด้วย "มันจะเปลี่ยนวิธีสื่อสารของธุรกิจทั่โลก" ผู้บริหารกูเกิ้ลกล่าว ในการแถลงข่าว ทางกูเกิ้ลได้สาธิตการทำงานของ Buzz โดยบริการดังกล่าวจะสามารถเข้าถึงผ่านลิงค์ใหม่ของจีเมล์ที่อยู่ใต้ลิงค์ บริการพื้นฐาน "inbox" จากนั้นเปิดใช้เครื่องมือ โดยแสดงให้เห็นว่า ผู้ใช้สามารถแชร์ข้อความสั้นๆ หรือสื่อต่างๆ (เหมือน status update ใน Facebook) กับเพื่อนๆ และคนแปลกหน้า ซึ่งคณสามารถเลือกได้ว่า ต้องการให้แต่ละโพสต์เป็นเรื่องที่ต้องการเผยแพร่ หรือเฉพาะบุคคลที่ต้องการให้ได้รับเท่านั้น
ผูใช้สามารถโพสต์ภาพถ่าย วิดีโอ ตลอดจนข้อความ และลิงค์ต่างๆ อีกทั้งยังสามารถดึงคอนเท็นต์จากใน Twitter, Picasa, Flickr หรือ Google Reader ได้โดยตรง แต่คุณจะยังไม่สามารถส่งข้อความออกไปยังทวิตเตอร์ ซึ่งทางกูเกิ้ลกล่าวว่า มันจะทำได้ในอนาคต อนึ่ง เมื่อผู้ใช้เปิดใช้เครื่องมือครั้งแรก Buzz จะระบุจีเมล์ปัจจุบัน และคอนแท็คส์ใน Google Chat รวมถึงการให้คุณเลือกรับโพสต์จากผู้ที่คุณกำลังติดตาม (following) ในทวิตเตอร์ โดยอัตโนมัติ ซึ่งโพสต์ต่างๆ ทีเข้ามาแบบเรียลไทม์สามารถคลิกเข้าไปดูในแท็บ Buzz ที่ปรากฎในจีเมล์ก็ได้ ซึ่งในการทำงานจะไม่มีการรีเฟรชบราวเซอร์แต่อย่างใด โพสต์ใหม่จะถูกส่งเข้่ามาในบราวเซอร์ผู้ใช้โดยตรง อีกทั้งยังสามารถดูภาพถ่ายต่างๆ และวิดีโอได้โดยตรงจากฟีดที่เข้ามา

ใน ขณะเดียวกัน เมื่อผู้ใช้คนอื่นๆ ตอบโพสต์ของคุณ คำตอบเหล่านั้นก็จะถูกส่งเข้ามาใน inbox ของจีเมล์ คุณสามารถตอบโพสต์เหล่านั้นได้โดยตรงจาก inbox ของคุณ ซึ่งคุณสามารถตอบกลับไปยังผู้ส่งโดยตรงในลักษณะที่เป็นส่วนตัวก็ได้ หลังจากนั้นทางกูเกิ้ลก็ได้นำเสนอบริการ Google Buzz บนไอโฟน และแอนดรอยด์ โดยเป็นโปรแกรมแยกต่างหาก และอยู่ใน m.google.com อย่างไรก็ตามมันสามารถเชื่อมโยงกับบริการต่างๆ ของกูเกิ้ลได้ด้วย ซึ่งการเปิดใช้บริการบนสมาร์ทโฟนครั้งแรก โปรแกรมจะพยายามหาตำแหน่งของคุณจาก GPS ตลอดจนเชือมโยงการทำงานกับเครื่องมืออื่นๆ ผู้ใช้สามารถใส่ข้อมูลระบุตำแหน่ง (geotag) เข้าไปในโพสต์ของ Buzz เพื่อให้ทราบว่า ขณะโพสต์อยู่ที่ไหน ซึ่งนั่นหมายความว่า บริการ Buzz บนสมาร์ทโฟนจะเชื่อมโยงการทำงานกับ Google Maps นั่นเอง หลังจบการสาธิต Sergey Brin หนึ่งในผู้ก่อตั้งกูเกิ้ลออกมาย้ำว่า เขาไม่ได้มองโซเชียลเน็ตเวิร์กเป็นเครื่องมือสื่อสารเพื่อความบันเทิง แต่เขามองเห็นประโยชน์ที่ซ่อนอยู่ในบริการลักษณะนี้มากกว่า

ตะลึง!!! ภาพรถสามมิติลอยอยู่กลางห้อง

หากคุณเดินเข้าไปในบ้าน แล้วจู่ๆ สายตาก็สอดส่ายไปเห็นภาพกราฟิกลายเส้นของรถสปอร์ต DeLorean ลอยอยู่กลางห้อง ซึ่งมันดูน่ามหัศจรรย์มากๆ คล้ายกับที่เราเคยเห็นในภาพยนต์ไซไฟที่เวลาสิ่งของเคลื่อนผ่านทะลุมิติ มันจะมีภาพลายเส้นของวัตถุลอยคว้างกลางอากาศให้เห็นก่อน ลองชมภาพข้างล่างนีนะครับ

อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณได้ชมคลิปข้างล่างนี้ ก็จะพบความจริงที่ว่า ลายเส้นของรถยนต์ที่เห็นลอยอยู่กลางห้อง แท้จริงแล้วเกิดจากการวาดภาพกราฟิกของรถยนต์บนผนังห้องทีแตกต่างกัน 3 ด้่าน และเมื่อยืนอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ภาพทั้งสามส่วนจะต่อกันเป็นรูปเดียว และด้วยมิติของผนังห้องที่ทำมุมเหลื่อมล้ำกัน ทำให้เรามองเห็นภาพกราฟิกของรถยนต์ 3D ลอยคว้างได้นั่นเอง งานนี้ต้องยกนิ้วให้คนวาดจริงๆ เลยครับ

กระจก(ทดลอง)แต่งหน้าระบบดิจิตอล

ชิเซโด้ (Shiseido) บริษัทเครื่องสำอางค์เอาใจสาวรุ่นใหม่อยากสวยด้วยกระจกดิจิตอลทีใช้ เทคโนโลยี AR (Augmented Reality) ที่เปิดโอกาสให้สาวๆ ได้สวยเสริมเติมแต่งผ่านหน้าจอระบบสัมผัส เพื่อเปรียบเทียบรูปแบบก่อนแต่งหน้าจริง หรือพิมพ์ออกมา เพื่อเอาไปแต่งเองที่บ้านก็ได้
บริการดังกล่าว นอกจากจะรวดเร็วทันใจสาวรุ่นใหม่ใจเกินร้อยแล้ว มันยังไม่เปลืองเครื่องแต่งหน้า (มาสคาร่า บรัชออน ลิปสติก ฯลฯ) ที่ใช้ทดลองอีกด้วย โดยงานนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับเทคโนโลยีสร้างภาพเสมือนบนภาพจริง หรือทีเรียกว่า Augmented Reality ที่ทางเว็บไซต์ arip ได้เคยนำเสนอหลายต่อหลายตัวอย่างผ่านสายตาคุณอ่านกันไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยระบบจะสามารถซ้อนภาพส่วนของการแต่งหน้าขึ้นไปบนใบหน้าจริงๆ ที่ปรากฎบนหน้าจอในลักษณะของการเปรียบเทียบให้เห็นกันจะๆ ก่อน และหลังแต่ง สวยต่างกันกย่างไร? ที่สำคัญเราสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ภายในพริบตา

สำหรับข้้นตอนการใช้บริการก็แสนจะง่ายดาย เพียงแค่นั่งลงตรงหน้าเครื่อง แล้วให้กล้องสแกนใบหน้า (มีเส้นกริด เพื่อกำหนดตำแหน่งการแต่งใบหน้าส่วนต่างๆ ได้แม่นยำยิ่งขึ้น) จากนันให้ระบบวิเคราะห์สีผิว องค์ประกอบต่างๆ ตลอดจนรูปใบหน้า เพือแนะนำให้คุณทราบก่อนว่า หากจะแต่งหน้าให้เหมาะควรเลือกแต่งแบบไหน ใช้เครื่องสำอางค์อะไรดี เสร็จแล้วกดปุ่มอีกเพียงไม่กี่ครั้ง คุณก็จะเห็นใบหน้าสวยๆ ที่เป็นผลมาจากการแต่งหน้าได้ทันที หากคุณรู้สึกว่า คำแนะนำกับผลลัพธ์การแต่งหน้าที่ได้ยังไม่แหล่มพอ ก็สามารถเติมลบกลบป้ายได้ตามใจนึก หลังจากได้อย่างที่พอใจแล้ว สาวๆ ยังสามารถสั่งพิมพ์ภาพใบหน้าก่อนและหลังแต่ง พร้อมข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์ที่ต้องใช้ให้สวยเช้ง เพื่อเลือกซื้อตามรายการที่ปรากฎได้ทันที...สุโค่ย!!!

วิธีป้องกันการถูกแอบอ้างตัวตนบนเน็ต

จากกรณีที่เกิดขึ้นกับดาราสาวและนักธุรกิจอย่าง "เชอรี ผุงประเสิร์ฐ" หรือ "เชอรี่ หนูผี" ที่ได้รับอีเมล์หลอกให้ส่งข้อมูลเกียวกับยูสเซอร์เนม และพาสเวิร์ดของอีเมล์ทีใช้ไปนั้น น่าจะเป็นบทเรียนอย่างดีที่จะทำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมีความระแวดระวังตัว เองมากขึ้น ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นกับดาราสาวไม่ใช่เป็นเรื่องใหม่แต่อย่างใด แต่ก็ยังพบว่า มีผู้ใช้ที่ตกเป็นเหยื่อโจรผู้ร้ายเหล่านี้บนเน็ตอยู่ตลอดเวลา
ด้วยความห่วงใยคุณผู้อ่านทุกท่าน ทางกองบรรณาธิการเว็บไซต์ arip จึงเล็งเห็นว่า น่าจะเป็นการดีหากจะนำเรื่องราวของการป้องกันการถูกแอบอ้างตัวตนของผู้ใช้บนอินเทอร์เน็ต (Online Identity) เนื่อง จากโดนหลอกขโมย หรือแฮคข้อมูลไปจากระบบ มาเล่าสู่กันฟังอีกครั้งหนึง ซึ่งข้อปฏิบัติขันตอน ตลอดจนคำแนะนำต่างๆ เหล่านี้น่าจะช่วยให้คุณผู้อ่านไม่ตกเป็นเหยื่อรายต่อไปของผู้ไม่หวังดี

1. การอนุญาตให้แชร์ข้อมูลส่วนตัว แนะนำให้ลงทะเบียนในเว็บไซต์เฉพาะ ช่องที่ทางเว็บไซต์ต้องการข้อมูลจริงๆ ส่วนช่องอื่นๆ พิจารณาดูตามความเหมาะ สม จากนั้นกวาดสายตาหาเช็คบ๊อกซ์ที่ระบุว่า มีการแชร์ข้อมูลส่วนตัวของคุณ ทางดีควรปฏิเสธการแชร์ข้อมูลจะดีกว่า ด้วยการเลือก หรือไม่เลือกเช็คบ๊อกซ์นั้น (อ่านเงื่อนไขก่อนนะครับว่า การเลือก หรือไม่เลือกนั้นหมายความว่าอย่างไร?)

2. ธุรกรรมออนไลน์ต้องมีกุญแจล็อค ทุกครั้งทีทำธุรกรรมออนไลน์ ให้สังเกตสัญลักษณ์ที่เป็นรูปแม่กุญแจล็อค (Lock) ทีบริเวณแถบสถานะ (Status bar) ที่อยู่ด้านล่างของบราวเซอร์ และ https:// ที่ปรากฎเป็นคำแรกในช่องแอดเดรสบาร์ (Address Bar) ซึ่งการปรากฎของข้อมูลทั้งสองอย่างนี้จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่า ข้อมูลของคุณได้รับการคุ้มครองให้ปลอดภัย

3. ระวังฟิชชิ่ง (Phising Scam) หากได้รับอีเมล์แจ้งปัญหา เกียวกับบัญชี (username, password หรือหมายเลขบัญขีธนาคาร) การใช้บริการของธนาคารออนไลน์ หรือสถาบันการเงินออนไลน์ต่างๆ อย่าคลิกลิงค์ที่ปรากฎในอีเมล์ หรือให้ข้อมูลกลับไป (เช่นกรณีทีเกิดกับคุณ "เชอรี่ ผุงประเสิร์ฐ" ซึ่งหากอีเมล์นั้นใช้ทำธุรกรรมออนไลน์ด้วยอาจจะยิ่งอันตราย เพราะผู้ไม่หวังดีอาจใช้อีเมล์นี้ในการร้องขอพาสเวิร์ดอัตโนมัติ หรืออ้างว่าลืมจากทางธนาคารได้) ควรจะคลิกเข้าไปในเว็บไซต์ธนาคาร เพื่อตรวจสอบว่า แอคเคาต์ของคุณมีปัญหาจริง หรือไม่? ซึงหากพบว่า ปกติดี ให้คุณรีบแจ้งทางธนาคารให้ทราบว่า มีการโกงในลักษณะนี้ เพื่อจะได้ไม่เกิดความเสียหายกับผู้อื่นด้วย อ้อ...อย่าตกม้าตายด้วยการลืม Log out (Sign out) ทุกครั้งที่ใช้อีเมล์ หรือบริการเหล่านี้ด้วยนะครับ

4. ใช้บราวเซอร์ทีมีระบบการป้องกันฟิชชิ่ง บราวเซอร์ IE, Firefox จะมีระบบตรวจจับเว็บไซต์ปลอม โดยจะแสดงผลเน้นชื่อโดเมนของเว็บไซต์ให้เห็นเด่นชัด ดังนั้นทุกครั้งก่อนกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มออนไลน์ใดๆ โดยเฉพาะบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ หรือสถาบันการเงินต่างๆ ควรสังเกตชื่อโดเมนในช่อง Address Bar ทุกครั้ง

5. เสิร์ชอย่างปลอดภัย เพื่อความปลอดภัยในการค้นหาข้อมูล บนเว็บไซต์ต่างๆ แนะนำให้ติดตั้งโปรแกรมแอนตี้ไวรัส หรือโปรแกรมเสริมการทำงานที่มีระบบตรวจสอบความปลอดภยของลิงค์ต่างๆ ในหน้าผลลัพธ์การค้นของเสิร์ชเอ็นจิ้นด้วย โดยหากโปรแกรมเหล่านี้พบว่า ลิงค์ที่ค้นไม่ได้ไม่ปลอดภัยก็จะแสดงไอคอนเตือนให้ทราบทันที ซึ่งหากไม่มี คุณผู้อ่านก็อาจจะคลิกเข้าไปยังเว็บไซต์อันตรายที่หลอกขอข้อมูลไปจนถึงแฮ คเข้าไปในระบบผ่านช่องโหว่ของบราวเซอร์

6. ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ให้ปลอดภัยอยู่เสมอ โน้ตบุ๊ก คอมพิวเตอร์ของคุณควรได้รับการตั้งพาสเวิร์ดทีแข็งแรง เพื่อป้องกันการแอบใช้ หรือเจาะเข้าไปนำข้อมูลของคุณออกมาโดยง่าย ตลอดจนอัพเดตโปรแกรมระบบรักษาความปลอดภัย รวมถึงระบบปฏิบัติการอย่างสม่ำเสมอ การดูแลระบบให้แข็งแรงจะช่วยป้องกันการบุกรุกเข้าไปควบคุม หรือขโมยข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ของคุณขณะออนไลน์ได้เป็นอย่างดี หากเป็นไปได้ ไม่ควรให้ยืมคอมพิวเตอร์กับคนแปลกหน้า และหากส่งซ่อมควรถอดฮาร์ดดิสก์ออกก่อน (หากฮาร์ดดิสก์ไม่เสีย) หรือสำรองข้อมูลสำคัญออกมา แล้วลบข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ออกไป

7. คิดก่อนตัดสินใจ โดยเฉพาะเรื่องทีเกียวข้องกับข้อมูลส่วนตัว ดังนั้นกฎเหล็กข้อหนึงในการป้องกันการขโมย และแอบอ้างข้อมูลส่วนตัวบนออนไลน์ไปใช้ก็คือ อย่าเชื่อทุกสิ่งที่เข้ามาในอีเมล์ ลบข้อมูลสำคัญๆ ออกไปจากเครื่องก่อนซ่อม หรือขายออกไป เพราะขโมยไม่ได้มีแค่ในโลกออนไลน์เท่านั้น
ความจริงยังมีวิธีป้องกันตัวเองอีกมากมาย แต่เชื่อว่า 7 ข้อที่นำเสนอในข่าวนี้ น่าจะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านหลายๆ ท่านพอสมควร สำหรับคุณผู้อ่านท่านใด ทีมีวิธีการป้องกันดีๆ และอยากแชร์ให้ผู้อ่านท่านอื่นๆ ก็คอมเมนต์กันเข้ามาได้เลยนะครับ สังคมออนไลน์จะได้น่าอยู่ยิ่งขึ้น ด้วยความปรารถนาดีที่มีต่อผู้อ่านที่น่ารักทุกท่านครับ

พรินเตอร์รักษ์โลก"ลบแล้วพิมพ์ซ้ำได้"

Eco-Products 2009 งานแสดงผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับโลก นอกจากจะมีเจ้า White Goat เครื่องย่อยกระดาษใช้แล้วให้กลายเป็นทิชชู่ม้วนนุ่ม ที่ทางเว็บไซต์ได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้ ในงานดังกล่าวยังมีแก็ดเจ็ต (Gadget) ที่น่าสนใจอย่างเครื่องพิมพ์ดั้งโต๊ะที่ชื่อว่า PrePeat ซึ่งสามารถลบ และพิมพ์ซ้ำบนกระดาษพิเศษได้ 1,000 ครั้งต่อแผ่น
PrePeat เป็นเครื่องพิมพ์ที่ไม่ต้องการหมึก เนื่องจากใช้หัวพิมพ์ที่ให้ความร้อนในการพิมพ์ข้อความ หรือรูปภาพต่างๆ ลงบนแผ่นพลาสติกที่ไวต่อความร้อน โดยบริเวณที่ได้รับความร้อนจะเปลี่ยนเป็นสีดำ และด้วยคุณสมบัติพิเศษของแผ่นพลาสติกที่ใช้แทนแผ่นกระดาษนี้เอง ทำให้ PrePeat สามารถลบ และพิมพ์ซ้ำบนตัวมันได้ถึง 1000 ครั้งต่อแผ่นเลยทีเดียว โดยบนเครื่องพิมพ์จะมีปุ่มฟังก์ชันให้เลือกคือ พิมพ์ (print) ลบแล้วพิมพ์ (Erase & Print) หรือลบ (Erase) อย่างเดียว และเนื่องจากมันไม่ใช่การเคลื่อนหัวพิมพ์แบบพรินเตอร์ทั่วไป ทำให้ PrePeat สามารถพิมพ์เอกสารได้ราวกับเครื่องถ่ายเอกสาร

สนนราคาของ PrePeat จะอยู่ที่ 500,000 เยน (ประมาณ 182,000 บาท) ส่วนกระดาษที่ใช้ลบและพิมพ์ซ้ำต่อแผ่นจะมีราคาอยู่ที่ 300 เยนต่อแผ่น 110 บาท ทราบราคาแล้วคิดหนักเลยนะครับ นอกจากเรื่องราคาแล้ว ประเด็นที่น่าคิดอีกประการหนึ่งก็คือ แผ่นพลาสติกที่ว่านี้ เวลาที่มันได้รับความร้อนจะเกิดมลพิษอะไรออกมา อีกหรือไม่? แล้วคุณผู้อ่านล่ะครับคิดเห็นอย่างไรกับไอเดียพรินเตอร์ที่ สามารถลบเอกสารและพิมพ์ซ้ำได้

แอปเปิลอัพเดตแพตช์อุดช่องโหว่ไอโฟน

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา แอปเปิล (Apple) ได้ประกาศออกแพตช์สำหรับไอโฟน (iPhone) และไอพอดทัช (iPod Touch) เพื่ออุด 5 ช่องโหว่ของระบบรักษาความปลอดภัย ซึ่งรวมถึงการเปิดโอกาสให้ผู้บุกรุกสามารถเข้าควบคุมเครื่องจากบนอิน เทอร์เน็ตได้

สำหรับ 3 ในช่องโหว่ทีได้รับการแพตช์ในครั้งนี้ จะทำให้ไอโฟน และไอพอดทัชของผู้ใช้ปลอดภัยจากการสั่งรันโค้ดอันตรายจากบนเน็ต ซึ่งเป็นผลจากการที่เจ้าของเครื่องเปิดไฟล์ภาพ หรือเสียงที่ซ่อนโค้ดอันตรายไว้ในนั้น รวมถึงการเข้าไปยังเซิร์ฟเวอร์ FTP ทีมีโค้ดอันตรายรออยู่ในนั้น
ส่วนช่องโหว่อื่นๆ จะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ที่ไม่หวังดีสามารถกระโดดข้ามขั้นตอนการป้อน รหัสบนไอโฟน และไอพอดทัชที่ล็อคไว้ เพื่อเข้าถึงข้อมูลส่่วนตัวของเจัาของเครื่องได้ โดยนอกจากอุดช่องโหว่แล้วยังมีในส่วนของการแก้ไขข้อผิดพลาดในการรายงานระดับ แบตเตอรี่บน iPhone 3GS ด้วย ทั้งนี้แพตช์ที่ออกมาก็จะส่งผลกระทบกับ iPhone OS 3.1.3 และ iPhone OS 3.1.3 for iPod Touch คุณผู้อ่านสามารถดาวน์โหลดอัพเดตเฟิร์มแวร์ได้จาก iTunes ในส่วนของรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้ที่หน้าเว็บ Apple Security

ข้อมูล จาก: IGN